Cloud Computing

ความหมาย Cloud Computing

Cloud Computing หมายถึง ทรัพยากรสำหรับการประมวลผลที่จัดเตรียมและจัดการโดยบุคคลหรือองค์กรที่สาม (Third Party) โดยทรัพยากรเหล่านี้ถูกจัดเตรียมไว้ที่  Data Center    จากนั้น ผู้ใช้ของ Cloud Computing สามารถเข้าไปใช้งานทรัพยากรเหล่านี้โดยการซื้อ (หรือเช่า)ได้ตามที่ต้องการโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องคำนึง(หรือแม้แต่กังวล) เลยว่าทางผู้ให้บริการทรัพยากรจะบริหารทรัพยากรให้มีความสามารถขยายตัวด้วยวิธีอะไร (หรือว่าได้หรือไม่ เพราะยังไงก็ต้องทำให้ได้)


หน้าตาของ Cloud

Computing

ภาพที่เห็นนี้เป็น server ผู้ให้บริการเพื่อให้สามารถให้บริการ Client ได้ทั่วโลกพร้อมๆกัน โดย Cloud Computing นั้นมีหลักการคือจะมี Client กับ Server  โดยในฝั่ง Server จะมีหน้าที่ในการประมวลผลคำสั่งต่างๆที่ถูกร้องของจาก Client  โดยการทำงานง่ายๆก็คือ เพียงแค่ใช้ internet browser ในการทำงาน  ก็เรียกใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆ
เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Cloud Computing

.) Agility (ว่องไวไร้ที่ติ)
ผู้ใช้จะรู้สึกเหมือนทุกอย่างผ่านไปอย่างเร็ว
.)  Cost (ลดค่าใช้จ่าย)
ช่วยลดค่าใช้จ่ายในองค์กร และอาจฟรีสำหรับ Client
.) Device and location independence (ห่างไกลไร้พันธนาการ)
ใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
.) Multi-tenancy (แบ่งกันใช้งาน)
สามารถแบ่งทรัพยากรไปให้ผู้ใช้จำนวนมาก เช่น  Centralization สร้างจุดศูนย์รวมบริการอย่าง Real estate ขายบ้าน เป็นต้น 
.) Reliability (ยิ่งใหญ่)
ในทางธุรกิจแล้ว ความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งดึงดูดกำไรเข้าองค์การเลยก็ว่าได้ มีความพร้อมสำหรับการรับมือกับภัยคุกคามข้อมูลต่างๆมากแค่ไหน
.) Scalability (ยืดหยุ่นได้)
พร้อมสำหรับการปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้ใช้ และเตรียมรองรับเทคโนโลยีหลายๆรูปแบบ
.) Security (ปลอดภัย)
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ และยิ่งใน Cloud Computing แล้วข้อมูลรวมอยู่ที่เดียวกัน ก็ยิ่งต้องเพิ่มความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น 
.) Sustainability (มั่นคง)
โครงสร้างที่แข็งแรง


Private (Internal)
Cloud ที่ใช้ภายในองค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น  ผู้ใช้อาจดูแลอุปกรณ์ไอทีด้วยตนเอง หรือจ้างบุคคลที่สามดูแลให้ก็ได้ อุปกรณ์อาจติดตั้งในสถานที่ของผู้ใช้ หรืออยู่ภายนอกทั้งหมด หรือบางส่วนก็ได้
Community
Cloud ที่ใช้ร่วมกันระหว่างกลุ่มขององค์กรที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน   เป็นการใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีร่วมกันเฉพาะในกลุ่มสมาชิกที่มีเรื่องต้องปฏิบัติ หรือต้องกังวลคล้ายกัน เช่นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยการใช้ข้อมูล มีข้อต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของรัฐ หรือขององค์กรเหมือนกัน หรือมีกฎระเบียบและกติกาที่ต้องปฏิบัติคล้ายกัน ชุมชนอาจดูแลและบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอทีด้วยชุมชนเอง หรือทำผ่านบุคคลที่สาม อุปกรณ์จะติดตั้งในสถานที่ของชุมชน หรือนอกสถานที่ก็ได้

Public
Cloud ที่ให้บริการกับบุคคลทั่วๆ ไปใครก็ตามที่มี Internet จะสามารถใช้บริการได้ เป็นการใช้บริการคลาวด์ ร่วมกับสาธารณะชน องค์กรทั่วไป และกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ ผู้ให้บริการเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไอทีและระบบซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
Hybrid
การเอา Cloud ชนิดต่างๆ มาเชื่อมต่อกันสร้างเป็น Cloud ที่มีคุณลักษณะพิเศษ เช่น Private - Public Cloud เป็นการใช้บริการที่ผสมผสานระหว่างคลาวด์ส่วนตัว คลาวด์ชุมชน หรือคลาวด์สาธารณะ ผู้ให้บริการแต่ละราย ที่ให้บริการภายใต้คลาวลูกผสมนี้ ต่างทำงานแบบอิสระ ระบบคราวด์ไม่ว่าจะเชื่อมโยงด้วยเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน หรือเทคโนโลยีเฉพาะ จะต้องสามารถทำงานร่วมกันในระดับข้อมูลและระบบซอฟต์แวร์ประยุกต์ได้
รูปแบบการให้บริการ
.Software as a Service
              Software as a Services (ตัวย่อที่เขาใช้กัน : SaaS)  อันนี้ก็คือโปรแกรมบน WEB Browser ที่เราใช้ๆ กันอย่างพวก Hotmail, Gmail นี่แหละ คือเราสามารถใช้งานโปรแกรมของผู้ให้บริการผ่าน internet โดยที่เราไม่ต้องไปสนใจเลย ว่าเขาจะพัฒนาด้วยภาษาอะไร เครื่องให้บริการเขายี่ห้ออะไร รุ่นไหน อยู่ที่ไหน และเราไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใด ๆ บนเครื่องเราเลย ผู้ใช้เพียงแต่เปิด WEB Browser ขึ้นแล้ว Connect เข้าอินเตอร์เน็ตให้ได้ จากนั้นก็เรียกใช้โปรแกรมของเขา ซึ่งในรูปแบบนี้ต่อไปคงมีทั้งแบบที่เสียเงินตามปริมาณข้อมูล หรือเวลา ที่แต่ละคนให้บริการเขาจะคิดตังค์ หรือแบบฟรี services แต่เขาไปขาย Ad หรือโฆษณาต่างๆ ก็ว่ากันไป

.)   Platform as a Services
                Platform as a Services (ตัวย่อที่เขาใช้กัน: PaaS) อันนี้จะมาในแนว R&D นิดหน่อยคือ คนให้บริการเขาจะจัดเตรียมพวกอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงภาษาคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือโปรแกรมสำหรับพัฒนาเตรียมไว้ให้หมดแล้ว แต่ผู้ใช้ หรือนักพัฒนาจะสามารถที่จะทำการพัฒนา ปรับปรุง ระบบงานหรือโปรแกรมต่างๆ ของตัวเองหรือพัฒนาโปรแกรมตามโครงสร้างที่ผู้ให้บริการจัดเตรียมไว้ให้ได้ เพื่อใช้ในการทดสอบระบบงานหรือโปรแกรมของตัวเองผ่านระบบ Cloud แบบนี้

.Infrastructure as a Service
                Infrastructure as a Service (ตัวย่อที่เขาใช้กัน: IaaS) สำหรับแบบนี้คือ ผู้ใช้ต้องจัดหา ระบบโปรแกรม และ OS (Operating System) ต่างๆ เอง แต่ผู้ใช้ไม่มีสิทธิเข้าไปทำการควบคุม หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานไอที พวก Hardware หรือ โครงสร้าง (Infrastructure) ที่ผู้ให้บริการได้ออกแบบไว้ และในบางกรณีผู้ใช้จะสามารถเข้าไปทำการปรับแต่งระบบ Firewall ได้ ถ้าผู้ให้บริการเขาอนุญาต

ส่วนประกอบของ Cloud Computing
ครงสร้างของ cloud ไม่จำเป็นต้องมี Hardware ต่าง ๆ ติดตั้งรวมอยู่ที่เดียวกัน แต่สามารถที่จะเชื่อมต่อกันผ่านพวกเครือข่ายการสื่อสารที่มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่สูง และจริง ๆ ไม่จำเป็น ที่จะต้องมี Hardware หรือ Software ที่ต้องเหมือนกันทั้งหมด เพราะมันสามารถผสมผสานกันได้ และมันจะใช้ Software ประเภท Virtualization ในการทำงาน
        ซึ่งโดยหลักการแล้วระบบมันจะแบ่งการทำงานออกเป็นส่วน ๆ ได้ดังนี้
. ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ ( User interaction interface) ทำหน้าที่รับคำขอบริการจากผู้ใช้
. ส่วนจัดเก็บรายการบริการ (Services Catalog) ทำหน้าที่เก็บและบริหารรายการของบริการที่ผู้ใช้ต้องการดู
. ส่วนบริหารงาน (system management) ทำหน้าที่ในการกำหนดทรัพยากรที่เหมาะสมเมื่อมีผู้ใช้เรียกใช้บริการ
. ส่วนจัดหาทรัพยากร (provisioning services) ก็ตรงตามตัวเลยว่า จัดหา จัดเตรียม เพื่อจองทรัพยากรต่าง ๆ  แล้ว ส่งให้ผู้ที่เรียกใช้ต่อไป
. ส่วนตรวจสอบข้อมูลการใช้งาน (Monitoring and Metering) เพื่อใช้ในการเก็บค่าบริการหรือเก็บข้อมูลสถิติ ต่างๆเพื่อนำไปใช้ในส่วนอื่นๆ


นอกจากนี้ Cloud ยังมีส่วนประกอบในด้านอื่นๆ อีกดังนี้
.Clients ก็คือช่องทางหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะ Access เข้ามาใช้งานไม่ว่าจะเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์,Tablet หรือ มือถือ
. Services ก็คือ บริการต่างๆ ที่จะตอบสนองกลับ เวลาที่ผู้ใช้บริการร้องขอผ่านเข้ามา
.Applications ก็คือ ตัวโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการใช้งาน ซึ่งส่วนนี้ทางผู้ให้บริการ เขาจะจัดเตรียมไว้ให้แล้ว
. Platform อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการแต่ละคนว่าจะเลือกนำหรือเลือกใช้ Platform ไหนมาให้บริการ
. Storage ก็คือ พื้นที่สำหรับใช้ในการจัดเก็บข้อมูล รวมถึงพวกระบบ backup data ต่าง ๆ
. Infrastructure ก็คือ เรื่องของโครงสร้างที่จะประกอบไปด้วย Server, User Interface และ Services ต่างๆ ที่จะต้องคอยรองรับการเรียกหรือร้องขอการใช้งานจากผู้ใช้

ความสำคัญของ Cloud Computing กับธุรกิจยุคใหม่
การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างธุรกิจในยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง ความรวดเร็วในการทำธุรกิจถือเป็นปัจจัยหลักในการเอาชนะคู่แข่งขันได้ ระบบไอทีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องสามารถตอบสนองการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโมเดลธุรกิจ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดการแนวทางจัดการระบบไอทีแบบใหม่ที่เรียกว่า Cloud Computing
รูปแบบของ Cloud  computing
องค์กรและหน่วยงานธุรกิจสามารถศึกษาความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนระบบไอทีทั้งหมดขึ้นสู่ระบบ Cloud Computing ซึ่ง Cloud Computing แบ่งเป็น ๓ ประเภท ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งาน แต่ละประเภทมีข้อจำกัดและความยืดหยุ่นในการใช้งานที่แตกต่างกัน คือ
. Public clouds  มี server จำนวนมากและตั้งอยู่หลายๆที่ ซึ่งผู้ใช้จะใช้บริการผ่าน web application หรือ web service
. Private cloud  ผู้ใช้บริการเป็นผู้บริหารจัดการระบบเอง โดยจะมีการจำลอง cloud computing ขึ้นมาใช้งานใน network ส่วนตัว รูปแบบนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายเพราะมีการแชร์ทรัพยากรร่วมกัน และ มีความสะดวกเนื่องจากผู้ให้บริการจะมีหน้าที่ติดตั้งระบบและดูแลรักษาให้
.Hybrid cloud  ประกอบขึ้นด้วยผู้ให้บริการแบบ public และ private ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางระบบ enterprise
 รูปแบบการใช้งาน
.คลาวด์ส่วนตัว (Private cloud): เป็นการใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานไอที เฉพาะสำหรับองค์กรหนึ่งองค์กรใด ผู้ใช้อาจดูแลอุปกรณ์ไอทีด้วยตนเอง หรือจ้างบุคคลที่สามดูแลให้ก็ได้ อุปกรณ์อาจติดตั้งในสถานที่ของผู้ใช้ หรืออยู่ภายนอกทั้งหมด หรือบางส่วนก็ได้
. คลาวด์ชุมชน (Community cloud): เป็นการใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีร่วมกันเฉพาะในกลุ่มสมาชิกที่มีเรื่องต้องปฏิบัติ หรือต้องกังวลคล้ายกัน เช่นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยการใช้ข้อมูล มีข้อต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของรัฐ หรือขององค์กรเหมือนกัน หรือมีกฎระเบียบและกติกาที่ต้องปฏิบัติคล้ายกัน ชุมชนอาจดูแลและบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอทีด้วยชุมชนเอง หรือทำผ่านบุคคลที่สาม อุปกรณ์จะติดตั้งในสถานที่ของชุมชน หรือนอกสถานที่ก็ได้
.คลาวด์สาธารณะ (Public cloud): เป็นการใช้บริการคลาวด์ร่วมกับสาธารณะชน องค์กรทั่วไป และกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ ผู้ให้บริการเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไอทีและระบบซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
.คลาวด์ลูกผสม (Hybrid cloud): เป็นการใช้บริการที่ผสมผสานระหว่างคลาวด์ส่วนตัว คลาวด์ชุมชน หรือคลาวด์สาธารณะ ผู้ให้บริการแต่ละราย ที่ให้บริการภายใต้คลาวลูกผสมนี้ ต่างทำงานแบบอิสระ ระบบคราวด์ไม่ว่าจะเชื่อมโยงด้วยเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน หรือเทคโนโลยีเฉพาะ จะต้องสามารถทำงานร่วมกันในระดับข้อมูลและระบบซอฟต์แวร์ประยุกต์ได้



ข้อดีข้อเสียของ Cloud computing

ข้อดี
ข้อเสีย
.) ลด ต้นทุนค่าดูแลบำรุงรักษาเนื่องจากค่าบริการได้รวมค่าใช้จ่ายตามที่ใช้งาน จริง เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าซ่อมแซม ค่าลิขสิทธิ์ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าอัพเกรด และค่าเช่าคู่สาย เป็นต้น
.) ลดความเสี่ยงจากการเริ่มต้นหรือทดลองโครงการ
.) มีความยืดหยุ่นในการเพิ่มหรือลดระบบตามความต้องการ
.) ได้เครื่องแม่ข่ายที่มีประสิทธิภาพ มีระบบสำรองข้อมูลที่ดี มีเครือข่ายความเร็วสูง
.) มีผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบและพร้อมให้บริการช่วยเหลือ ๒๔ ชั่วโมง
.) เนื่องจากเป็นการใช้ทรัพยากรที่มาจากหลายที่หลายแห่งทำให้อาจมีปัญหาในเรื่องของ ความต่อเนื่องและความเร็วในการเข้าทรัพยากรมากกว่าการใช้บริการ Host ที่ Local หรืออยู่ภายในองค์การของเราเอง
.) ยังไม่มีการรับประกันในการทำงานอย่างต่อเนื่องของระบบและความปลอดภัยของข้อมูล
.) ความไม่มีมาตรฐานของแพลทฟอร์ม ทำให้ลูกค้ามีข้อจำกัดสำหรับตัวเลือกในการพัฒนาหรือติดตั้งระบบ



ตัวอย่างโปรแกรม Cloud computing
Cloud Storage ก้อนเมฆเก็บข้อมูล
          หลายคน คงสงสัยว่า Cloud Storage คืออะไร อธิบายแบบง่ายๆ เลยก็คือ ที่เก็บข้อมูลไว้บนอินเตอร์เน็ต สามารถฝากไฟล์และดึงไฟล์ออกได้อย่างสะดวก โดยต้องใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง ทำให้บริการของ Cloud Storage ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีปัจจัยที่สนับสนุนอย่างการเติบโตของอุปกรณ์โมบายต่างๆ ทั้ง Smart Phone และ Tablet ทำให้สามารถเข้าถึงได้อย่างง่าย ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้สบายมากขึ้น

ประโยชน์ของการใช้งาน Cloud Storage
 •   สามารถเข้าถึงไฟล์ต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา
 •   สามารถเพิ่มขนาดจัดเก็บไฟล์ได้
 •   คุ้มค่ามากกว่าการซื้ออุปกรณ์จัดเก็บไฟล์อย่างพวกฮาร์ดดิสก์
•   ไม่มีความเสี่ยงกับในเรื่องของอุปกรณ์จัดเก็บไฟล์เสีย
 •   ได้รับบริการเสริมต่างๆ เช่น การสำรองข้อมูล การรับประกันในกรณีข้อมูลสูญหาย เป็นต้น

ข้อเสียของการใช้งาน Cloud Storage
 •   จำเป็นต้องใช้งานผ่านการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเท่านั้น
 •   ความปลอดภัยของข้อมูลซึ่งอาจถูกแฮ็กข้อมูลได้
 •   เสียค่าบริการ ในกรณีที่มีการฝากไฟล์เกินขนาดที่ผู้ให้บริการแต่ละรายกำหนด

        ในปัจจุบันนี้มีผู้ให้บริการ Cloud Storage รายใหญ่ๆ จำนวน 4 ราย ซึ่งก็เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว เราไปทำความรู้จักกับบริการ Cloud Storage ของแต่ละรายกันเลยดีกว่าครับ

SkyDrive จาก Microsoft

 SkyDrive เป็นหนึ่งในการบริการของ Windows Live (ที่มีการเปลี่ยนจาก Hotmail) ซึ่งทำหน้าที่ Cloud Storage เริ่มให้บริการมานานแล้วแต่ไม่เป็นที่รู้จัก เหตุผลที่ SkyDrive ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ก็คือ มาเร็วเกินไป” ในสมัยก่อนยังไม่มีคำว่า Cloud Computing ด้วยซ้ำ อีกทั้งรูปแบบนั้นยังใช้งานยาก แล้วยังจำเป็นที่จะต้องต่อกับอินเตอร์เน็ตทำให้ความสะดวกในการใช้ไม่มีค่อยมีมากนัก มาตอนหลัง Microsoft ได้ปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยมีพื้นที่เก็บข้อมูลแบบฟรีๆ ถึง GB ถือว่าเยอะมากและสามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลฟรีได้มากถึง ๒๕GB นอกจากนี้ยังความสะดวกสบายด้วยการ Sync ข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยรองรับการทำงานได้ทั้งบน PC และ MAC  ส่วน APP ในกลุ่มโมบาย แน่นอนว่าจะรองรับ Window Phone เป็นอันดับแรก อีกแพลตฟอร์มคือ iOS ส่วน Android ไม่ต้องน้อยใจไป เชื่อว่าตอนนี้ กำลังมีการพัฒนาออกมาให้อยู่

Google Drive จาก Google
        อีกหนึ่งเจ้ารายใหญ่ทางอินเตอร์เน็ตอย่าง Google ก็ได้เริ่มสร้างกระแสบริการ Cloud Storage ขึ้นมาในชื่อ Google Drive ที่อัพบริการจาก Google Docs ซึ่งมีพื้นที่ที่ให้บริการทั้งหมด GB สามารถเข้าได้ทั้งทางเว็บในเวอร์ชั่น Windows และ MAC OS X และอุปกรณ์แท็บเล็ตแบบ Android ก็สามารถเข้าไปแชร์ไฟล์และโฟลเดอร์ได้อย่างอิสระ


  iCloud จาก Apple
           Apple iCloud หรือ iCloud ที่เรารู้จักกันก็เป็นบริการแบบ Cloud Storage เช่นกัน โดย iCloud ก็มีพื้นที่ที่จะให้บริการทั้งหมด 5GB สามารถเข้าได้ทั้งทาง ไอแพด ไอโฟนและยังสามารถเข้าได้ทางคอมพิวเตอร์แต่ถ้าจะใช้งานเราก็จะต้องมี Apple ID และอนุญาตให้เก็บไฟล์ข้อมูลฟรีเป็นบางประเภทเท่านั้น เช่น รูปภาพ ถ้าต้องการที่จะเก็บไฟล์รูปแบบอื่นท่านก็ต้องไปโหลด แอพพลิเคชั่นต่างหากและไม่มี feature แชร์ไฟล์หรือโฟลเดอร์ใดๆ

Dropbox
           Dropbox ให้บริการพื้นที่เก็บฟรี GB และสามารถใช้ได้สูงสุดถึง GB โดยที่เราต้องทำตามเงื่อนไขของ Dropbox และสามารถเข้าใช้งาน Dropbox ได้ในระบบคอมพิวเตอร์เวอร์ชั่น Windows, MAC OS X และ Linux และอุปกรณ์มือถืออย่าง Smart Phone, Tablet ทั้ง iOS , Android และ BlackBerry นอกจากนี้ยังสามารถแชร์ไฟล์และโฟลเดอร์ได้


เเหล่งที่มา
-http://www.compspot.net/index.php?option=com_content&task=view&id=360&Itemid=46
-http://ictandservices.blogspot.com/2012/05/cloud-computing.html

- http://www.bkk1.in.th/Topic.aspx?TopicID=983
- https://sites.google.com/site/suwandee15510/-cloud-computing/rup-baeb-kar-hi-brikar-khxng-cloud-computing

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น